11.03.201820:00:00UTC+00รายงานจากประเทศบราซิล : ดัชนี Ibovespa ได้ทะลุผ่านช่วงขาดทุน และมีการปรับตัวขึ้นมา หลังจากมีการรายงานข้อมูลด้านค่าจ้างในสหรัฐอเมริกา

Ibovespa เป็นดัชนีตลาดหุ้นอ้างอิงในประเทศบราซิล มีการหยุดจากการปรับตัวลงในรอบสามวัน ตามมาด้วยการปรับตัวขึ้นมาถึง 1.63% ใน 86,371.41 จุดในวันศุกร์ หลังจากที่มีการรายงานข้อมูลมาจากตลาดแรงงานของสหรัฐอเมริกาออกมา ที่แสดงให้ทราบถึงค่าจ้างได้เพิ่มขึ้นมาน้อยกว่าที่คาดการณ์ไว้ คุณ Hersz Ferman นักเศรษฐศาสตร์จากทางสถาบัน Elite Corretora ได้ระบุว่า "ข้อมูลในด้านการจ้างงาน นั้นเป็นเส้นการแบ่งเขตของเซสชั่นการซื้อขายในวันนี้ โดยข้อมูลได้แสดงให้ทราบถึง การจ้างงานที่เพิ่มขึ้นมา แต่แม้ว่า ค่าจ้างและเงินเฟ้อกลับไม่มีการปรับตัวขึ้นมาเลยแม้แต่น้อย" คุณ Pablo Spyer ผู้อำนวยการด้านการดำเนินการของโบรกเกอร์ Mirae ได้ออกมากล่าวว่า ข้อมูลด้านค่าจ้างแสดงให้ทราบถึงยอด GDP ของ สหรัฐอเมริกาที่ยังอาจจะมีการปรับตัวขึ้นมา "โดยไม่มีการสนับสนุนต่อเงินเฟ้อ" และมันก็เป็นไปได้ที่จะมีการลดระดับลงไปโดยปราศจากการสนับสนุนระดับค่าจ้างให้เพิ่มขึ้นมา การจ้างงานได้แสดงมให้เห็นถึงความกังวลต่อสงครามทางการค้าในระดับโลกที่อาจจะเกิดขึ้นได้ หลังจากที่ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา Donald Trump ได้ออกมาประกาศถึงภาษีใหม่ต่อการนำเข้าเหล็กและอลูมิเนียม โดยนักวิเคราะห์มองว่า นาย Trump ยังเปิดพื้นที่การเจรจากับหลายประเทศว่าจะมีการปรับใช้มาตรการนี้อย่างไร อย่างเช่นประเทศบราซิล ส่วนดัชนีราคาผู้บริโภค ในประเทศบราซิลได้ปรับตัวขึ้นมาใน 2.84% ในเดือนกุมภาพันธ์ จากปีก่อนหน้านี้ ซึ่งได้สูญเสียความแข็งแกร่งจากช่วงเดือนก่อนหน้านี้ และยังเพิ่มแนวโน้มที่ว่าทาง ธนาคารกลางอาจจะลดระดับอัตราดอกเบี้ยอีกครั้ง สำหรับการซื้อขายสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐในประเทศพบว่า มีการปิดเซสชั่นการเทรดด้วย การปรับตัวลงมาใน 0.39% ที่มูลค่า R$ 3.252 หลังจากที่มีข้อมูลแสดงให้ทราบถึง ค่าจ้างโดยเฉลี่ยในเดือนกุมภาพันธ์ สำหรับชั่วโมงของการทำงานในสหรัฐอเมริกา ที่ปรากฏว่าปรับตัวลงต่ำกว่าการประเมินของทางตลาด สำหรับตัวบ่งชี้ก็ลดระดับโอกาสที่ทาง ธนาคารกลางแห่งสหรัฐอเมริกาจะเริ่มดำเนินการปรับอัตราดอกเบี้ย ที่ใช้ในการอ้างอิงขึ้นตามที่คาดการณ์ไว้ในปีนี้ ในช่วงสัปดาห์ที่จะถึง คุณ Ferman คาดว่าตลาดแลกเปลี่ยนหลักทรัพย์ในบราซิลอาจจะยังคงติดตามแนวโน้มของตลาดอเมริกาอยู่อย่างใกล้ชิด พร้อมกับอัตราของการรัดกุมทางการเงินในสหรัฐอเมริกา ที่เป็นประเด็นที่สำคัญของทางตลาด