12.10.201802:13:00UTC+00นโยบายทางการเงินแบบรัดกุมของประเทศสิงคโปร์

ธนาคารกลางของประเทศสิงคโปร์ เริ่มต้นกระชับนโยบายการเงินเป็นครั้งที่สองในปีนี้ แม้จะมีความไม่แน่นอนเกิดขึ้น เกี่ยวกับข้อพิพาททางการค้าระหว่างสหรัฐอเมริกาและประเทศจีนก็ตามที ในวันศุกร์ หน่วยงานด้านการเงินของประเทศสิงคโปร์ ตัดสินใจที่จะเพิ่มแนวลาดเอียงเล็กน้อยในกลุ่มนโยบาย S$NEER โดยมีกลุ่มนโยบายที่กว้างขวาง และระดับที่จะทำให้ความสำคัญอยู่ที่เดิม ธนาคารได้กล่าวว่า การดำเนินการล่าสุดได้สอดคล้องกับแนวทางนโยบายของการแข็งค่าในกลุ่มนโยบาย S$NEER ที่สร้างความมั่นใจต่อความเสถียรภาพด้านราคาในระยะกลาง MAS จะใช้กับอัตราแลกเปลี่ยน เมื่อเทียบกับตะกร้าสกุลเงิน ภายในกลุ่มที่ยังไม่เปิดเผย เนื่องจากการเป็นเครื่องมือในนโยบายการเงินนั้นเอง โดยทางธนาคารจะจัดประชุมด้านนโยบายทางการเงิน ครั้งต่อไปในเดือนเมษายน คุณ Gareth Leather และ Shilan Shah นักเศรษฐศาสตร์จากสถาบัน Capital Economics ได้กล่าวไว้ว่า จากการเติบโตที่น่าจะลดลงไปในช่วงหลายปีที่ผ่านมา รวมทั้งอัตราเงินเฟ้อที่ยังคงอยู่ในช่วงต่ำ ทางธนาคารดูเหมือนจะไม่รัดกุมนโยบายอีกต่อไป ข้อมูลที่นำเสนอมาจาก กระทรวงการค้าและอุตสาหกรรม ในช่วงก่อนหน้านี้ของรอบวัน ได้แสดงให้เห็นว่า เศรษฐกิจของประเทศ ได้ขยายตัวอยู่ในอัตราที่น้อยลงใน 2.6% ในไตรมาสที่สาม หลังจากที่มีการเติบโตเกิดขึ้นจากไตรมาสก่อนหน้านี้ที่ 4.1% เมื่อเปรียบเทียบในรอบไตรมาสประจำปี จะพบได้ว่า เศรษฐกิจได้ขยายตัวขึ้นมา4.7% ซึ่งมากกว่าการเติบโตใน 1.2% ของไตรมาสก่อนหน้านี้ ทางธนาคารกล่าวว่า ความขัดแย้งทางการค้าระหว่าง ประเทศเศรษฐกิจขนาดใหญ่ทั้งสอง และความไม่แน่นอนที่พวกเขาทำให้เกิด ก็ได้ส่งผลกระทบอย่างต่อเนื่องในกิจกรรมทางเศรษฐกิจ ระดับโลก ในปี 2019 MAS คาดว่า การเติบโตของจีดีพีในประเทศสิงคโปร์ จะเข้าสู่ช่วงครึ่งปีหลังของการคาดการณ์ที่ระยะ 2.5-3.5% ในปี 2018 และ อาจจะน้อยกว่าในปี 2019 ทางธนาคารระบุไว้ว่า ตลอดทั้งปีในปี 2018 พบว่า อัตราเงินเฟ้อหลัก จะอยู่ในช่วงการคาดการณ์ที่ระยะ 1.5-2% และเฉลี่ยอยู่ที่ 1.5-2.5% ในปี 2019 สำหรับอัตราเงินเฟ้อโดยรวม คาดว่าจะอยู่ที่ราวๆ 0.5% ในปี 2018 ก่อนหน้าที่จะเพิ่มขึ้นมาเป็น 1-2% ในปีหน้านี้