ยูโรโซน

ราคาผู้บริโภคในยูโรโซนได้เพิ่มขึ้นมาร้อยละ 1.4 ในปี 2017 เป็นหลักฐานจากข้อมูลสุดท้ายจากการรายงานของสถาบัน Eurostat ที่นำเสนอข้อมูลออกมาในวันพุธ โดยผลที่ออกมานั้นน้อยกว่าระดับในเดือนพฤศจิกายนในร้อยละ 1.5 แต่ก็ยังสอดคล้องกับการคาดการณ์อยู่ และต่อจากนั้น ก็ยังไม่พบกับผลกระทบในความผันผวนที่เกิดในเงินยูโร

ในไม่นานต่อจากนั้น สมาชิกผู้ว่าผู้บริหารของธนาคารกลางแห่งยุโรป คุณ Ewald Nowotny ได้ออกมาให้ความเห็นถึง ความเชื่อมั่นทีเ่กิดขึ้นในเงินยูโร โดยกล่าวว่า กำลังของมันนั้นไม่ได้มีประโยชน์อะไร โดยคุณ Nowotny ได้ระบุมาว่า เจ้าหน้าที่ไม่ได้มีเป้าหมายหลักในอัตราเงินยุโร และต่อจากนั้นก็อาจจะดำเนินการตามแผนการพัฒนาต่อไป

ถึงแม้ว่าเป็นความเห็นที่ไม่ได้แสดงทีท่าอะไรออกมา แต่ทางธนาคารกลางแห่งยุโรปเองก็มีความกังวลต่อการเติบโตของเงินยูโร เมื่อเทียบกับการเร่งดำเนินการรัดกุมนโยบายของทางเฟด จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมานั้น มันสามารถช่วยทำให้สรุปได้อย่างง่ายดายว่าหากทางธนาคารกลางแห่งยุโรป ได้เริ่มต้นใช้นโยบายแบบรัดกุม เงินยูโรก็อาจจะมีปฏิกริยาตอบโต้ต่อการปรับตัวขึ้นอย่างมั่นใจ ที่อาจจะดูไม่เกี่ยวข้องกันกับแนวโน้มของส่วนต่างของอัตราผลตอบแทนทีเ่พิ่มขึ้นมาสำหรับเงินดอลลาร์

เงินยูโรได้สร้างระดับสูงขึ้นมา และตอนนี้ก็อาจจะปรับตัวลงไปในการปรับตัวทางเทคนิค ส่วนแนวต้านที่ใกล้ที่สุดอยู่ที่ 1.2092 นั้นเป็นระดับสูงก่อนหน้านี้ และถัดไปก็คือ 1.1916 หากยังรอดพ้นไปได้ ก็จะมีโอกาสในการฟื้นฟูขึ้นมาในระดับสูง

สหราชอาณาจักรอังกฤษ

ราคาผู้บริโภคที่ลดลงมานั้นไม่ได้เกิดขึ้นในสหราชอาณาจักรอังกฤษ ซึ่งเคยเกิดขึ้นในช่วงแรกของหกเดือนที่ผ่านมา สำหรับการเติบโตในรอบปีของปี 2017 นั้นอยู่ที่ร้อยละ 3.0 ซึ่งได้ลดลงไปเพียงเล็กน้อยเท่ากับร้อยละ 3.1 จากเดือนก่อนหน้านี้ เมื่อการเติบโตของราคาในระดับสูงสุดนั้นเกิดขึ้นในรอบห้าปีที่ผ่านมา โดยผลลัพธ์นี้ได้สอดคล้องกับการคาดการณ์ แต่เงินปอนด์ก็มาพร้อมกับการเติบโตอย่างมั่นใจเพราะว่า จากตัวบ่งชี้ทางเศรษฐกิจมหภาพพบว่า พารามิเตอร์ทางการเมืองนั้นได้เกื้อหนุนอยู่

มันยังเป็นที่ไม่แน่ชัดว่า ใครเริ่มต้นการหารือของแนวคิดว่าจะดำเนินการออกเสียงอีกครั้งใน การถอนตัวออกจากสหภาพยุโรปหรือ Brexit แต่แน่นอนว่า ทางการของยุโรปเองก็เห็นด้วยกับแนวคิดนี้ สำหรับหัวหน้าของสหภาพยุโรป Donald Tusk ได้ออกมาแสดงความเห็นเป็นคนแรกว่า ความต้องการของประเทศอังกฤษที่ยังคงอยู่กับสหภาพยุโรป จะเกิดขึ้นตรงกันกับการอนุมัติของนักการเมืองในยุโรป

ในภายหลัง ประธานคณะกรรมาธิการของยุโรป Jean-Claude Juncker ได้ออกมาประกาศเพิ่มเติมว่า เขาหวังว่าจะได้เห็นการย้อนคืนของ สหราชอาณาจักรอังกฤษไปยังสหภาพยุโรป หลังจากที่ได้ถอนตัวออกมาจากสหภาพยุโรปในปีหน้า

ในทำนองเดียวกัน จากการหารือในช่วงปลายเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ซึ่งเป็นช่วงเปลี่ยนผ่านที่มีการสรุปออกมาแล้ว อ้างอิงข้อมูลจากสำนักข่าวรอยเตอร์ที่ได้ระบุข้อมูลว่า ทางด้านธนาคารแห่งอังกฤษ ได้เตรียมตัวในการเคลื่อนย้ายการดำเนินการไปยังเขตพื้นที่ของสหภาพยุโรป หากข้อตกลงยังไม่ถึงจุดยุติ นี้อาจจะเป็นตัวชี้วัดที่สำคัญ เนื่องจากทางธนาคารอาจจสูญเสีญควมสามารถในการดูแลลูกค้าจากยุโรป เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงด้านกฎหมาย หากมันได้เกิดขึ้นจริง มันอาจจะส่งผลกระทบเชิงลบต่ออัตราเงินปอนด์ เนื่องจากเป็นเงินลงทุนที่ไหลเข้ามาของสหราชอาณาจักรอังกฤษ ไปยังยุโรป

เงินปอนด์เองก็มีการปรับตัวลงหลังจากมีการดำเนินการ Brexit โดยได้เข้าใกล้ในระดับที่ 1.40 โดยที่เงินปอนด์ได้รับการสนับสนุนจากปัจจัยภายนอก โดยเฉพาะอย่างยิ่งการปรับตัวขึ้นมาของราคาสินค้า และจุดอ่อนโดยทั่วไปของเงินดอลลาร์ จนกว่าจะถึงช่วงสุดสัปดาห์ โมเมนตัมขาขึ้นอาจจะผลักดันให้เงินปอนด์ปรับตัวไปในระดับที่ 1.3720 หรืออาจจะเป็น 136.12 ที่ผู้เข้าร่วมในตลาดอาจจะใช้สำหรับการซื้อครั้งใหม่ได้

น้ำมัน

น้ำมันได้มีการเทรดอยู่ใกล้กับระดับสูงในรอบสามปี ซ่งเข้าใกล้กับระดับ 70เหรียญต่อบาร์เรล โดยการเทรดแบบมีสิทธิ์ซื้อของเบรนท์ในตลาดแลกเปลี่ยนสินทรัพย์ในนิวยอร์ก (NYMEX) ได้ปรับตัวไปในระดับสูงในรอบสามปี ตามการรายงานจากสถาบัน CFTC แล้วสถานการณ์ตอนนี้ก็ยังไม่ชัดเจนจากทาง WTI ที่ได้ออกมาระบุว่า เศษหุ้นในระยะยาวเองก็อยู่ในระดับสูงที่สุดตั้งแต่มีการสำรวจมาตั้งแต่ช่วงปี 2006

น้ำมันได้รับการเกื้อหนุนจากปัจจัยหลายด้านในเวลาเดียวกัน ไม่ว่าจะเป็นจากทางโอเปก, สถานะซึ่งนำพาให้เกิดการปรับสมดุลในตลาด, จุดอ่อนที่เกิดขึ้นในภาคการขุดเจาะน้ำมันในสหรัฐอเมริกา แม้ว่ามีมูลค่าที่เพิ่มขึ้นมา แต่ก็ไม่ได้ส่วนแบ่งจากการลงทุนอีกด้วย รวมทั้งแนวโน้มในระดับโลกที่มุ่งไปทางการใช้สินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงในสภาวะปัจจุบัน มันไม่ได้มีความจำเป็นที่มาคาดการณ์ถึงผลตอบแทน โดยความเสี่ยงได้ลดลงมาถึง 67.95 แต่ก็ยังอยู่ในระดบัสูงและอาจจะใช้ในการซื้อครั้งใหม่