คู่สกุลเงินยูโรและดอลลาร์สหรัฐ (EUR/USD) มีการแสดงออกถึงความผันผวนค่อนข้างมาก ในวันศุกร์ หลังจากที่ได้พิจารณาถึงปฏิทินทางเศรษฐกิจที่ยังคงว่างเปล่าไปครึ่งหนึ่ง โดยราคาผ่านไปเกือบ 100 จุดในรอบวัน ที่เคลื่อนตัวไปยังพื้นที่ที่มีพื้นฐานความย้อนแย้งในตัวเอง ส่วนวิกฤตการณ์ทางการเมืองในประเทศสเปน, ข้อมูลเงินเฟ้อที่อ่อนแอจากประเทศจีน รวมถึงแนวทางแบบ "การขยายตัว" จากสมาชิกของธนาคารกลางแห่งยุโรป อย่างคุณ Benoit Coeure ที่ได้ลดคู่สกุลเงินลงมาที่ระดับต่ำสุดในรอบปีที่ระดับ 1.1235 แต่ มีการรายงานข่าวที่ดีออกมาจาก การเจรจาของสหรัฐอเมริกาและ ประเทศจีน ที่ทำให้ราคาย้อนกลับไปยังตำแหน่งที่อันดับ 13 นอกจากนี้ เทรดเดอร์ยังทำกำไรได้ ในช่วงสุดสัปดาห์ เนื่องจาก ตั้งแต่วันจันทร์ จะเป็นวันหยุดประจำชาติ โดยจะเป็นการเฉลิมฉลองในสหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นวันประธานาธิบดี ส่วนแพลตฟอร์มการซื้อขายของสหรัฐอเมริกา จะปิดทำการและ ความจริงข้อนี้อาจจะมีผลกระทบที่สอดคล้อง ต่อการเปลี่ยนแปลงของการซื้อขาย

ปฏิทินเศรษฐกิจในวันจันทร์เกือบจะว่างเปล่าเช่นกัน ส่วนการรายงานของธนาคาร Bundesbank ของประเทศเยอรมันและ ข้อมูลเกี่ยวกับตลาดอสังหาริมทรัพย์ ในสหราชอาณาจักรอังกฤษ ไม่น่าจะส่งผลกระทบต่อพฤติกรรมของคู่สกุลเงินนี้ ดังนั้น เทรดเดอร์จะโฟกัสไปที่ เหตุการณ์หลักของสัปดาห์ก่อนหน้านี้ และโดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในวันศุกร์ อย่างที่ได้กล่าวไว้ข้างต้นก็คือ แรงกดดันต่อคู่สกุลเงินยูโรและดอลลาร์สหรัฐ (EUR/USD) มีการปรับตัวจากความเห็นของสมาชิกคณะกรรมการบริหารของธนาคารกลางแห่งยุโรป คุณ Benoit Coeure แม้ว่าเทรดเดอร์ จะมีความคุ้นเคยกับตำแหน่งของหน่วยงานกำกับดูแลของยุโรปอยู่แล้ว ส่วนการแถลงการณ์ของเขาดูมีการ "ขยายตัว" ตามธรรมชาติ ประการแรก เขาได้ประกาศออกมาว่าธนาคารกลางในเร็วๆนี้ จะมีการหารือกันเกี่ยวกับ TLTRO รอบใหม่ในไม่ช้า

โปรแกรม TLTRO ก่อนหน้านี้ จะสิ้นสุดลงในช่วงกลางปีหน้า แต่ภาคการธนาคาร จำเป็นต้องมีสภาพคล่องในปีนี้ ดังนั้นผู้เชี่ยวชาญ หลายคนได้คาดการณ์ว่า โครงการทางการเงินระยะยาว จะกลับมาดำเนินการภายในปีนี้ ทางด้านสมาชิกของธนาคารกลางกล่าวถึงหัวข้อนี้ในเดือนธันวาคม (แม้ว่าจะยังไม่มีผลดีอะไร) แต่พวกเขา หลีกเลี่ยงการตอบประเด็นนี้ ในเดือนมกราคม ดังนั้น จึงทำให้มีการสนับสนุนทางอ้อมต่อสกุลเงินในยุโรป แต่หากลองตัดสินดูจากคำพูดก่อนคุณ Coeure ที่ระบุว่าธนาคารกลางแห่งยุโรป จะประกาศถึงโครงการ TLTRO ครั้งใหม่ในเดือนมีนาคม

นอกจากนี้ ตัวแทนของหน่วยงานผู้กำกับดูแลของยุโรป มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อ แนวคิดในการปรับอัตราดอกเบี้ยเพิ่มขึ้นในปีนี้ โดยเขาถามคำถามว่า ทำไมต้องกระชับนโยบายทางการเงินให้รัดกุมขึ้น ถ้าหากคุณต้องการที่จะผ่อนลงรึเปล่า? เขายังรับทราบว่า เศรษฐกิจในยูโรโซน ชะลอตัวลดลงไปอย่างรวดเร็วเช่นเดียวกับกระบวนการเงินเฟ้อ หรือกล่าวอีกนัยหนึ่ง คุณ Coeure ได้ถูกเพิ่มเข้าไปในรายชื่อตัวแทนของธนาคารกลางแห่งยุโรป ที่ได้ออกมาพูดถึงนโยบายการขยายตัวแบบพิเศษ

จากการแถลงการณ์ของคุณ Benoit Coeure เหตุการณ์ทางการเมืองที่สำคัญก็ได้เกิดขึ้นในประเทศสเปน ซึ่งยังเพิ่มแรงกดดันต่อเงินยูโร โดยพวกเรา กำลังพูดถึงการเลือกตั้งในช่วงแรกในรัฐสภาสเปน ซึ่งมีกำหนดสิ้นสุดลงในเดือนเมษายน ทางด้านตลาดเริ่มเบื่อหน่ายกับ การประท้วงอย่างต่อเนื่องเกี่ยวกับ การประท้วง, ความขัดแย้ง และ ความวุ่นวายทางการเมือง "เสื้อโค้ดเหลือง(Yellow vests)" ยังคงมีการประท้วงในประเทศฝรั่งเศส โดยเป็นการชุมนุมของสหภาพแรงงานในท้องถิ่นในประเทศอิตาลีและในตอนนี้ มันก็ได้กลายมาเป็น จุดที่ระส่ำระส่ายในประเทศสเปน แม้ว่าผลลัพธ์ของการเลือกตั้งในช่วงแรก อาจจะช่วยส่งเสริมเงินยูโร (แทนที่ จะเป็นฝ่ายสังคมนิยม, กองกำลังทางการเมืองของสหภาพยุโรป โดยเฉพาะอย่างยิ่ง "พลเมือง") ส่วนคู่สกุลเงินยูโรและดอลลาร์สหรัฐ (EUR/USD) มีปฏิกิริยาเชิงลบต่อการลาออกของรัฐบาลสเปน

ข้อมูลทางด้านเศรษฐกิจมหภาคของประเทศจีน ได้ช่วยแนวโน้มขาลงของคู่สกุลเงินนี้ ให้ดึงราคาลงมาสู่ระดับต่ำสุดในรอบปี ส่วนอัตราเงินเฟ้อในประเทศจีน ยังคงชะลอตัวลดลง พร้อมกับมีการชะลอลงมาก่อนหน้า การคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่ ดังนั้น ในเดือนมกราคม ดัชนีราคาผู้บริโภคลดลงมาอยู่ที่ระดับ 1.7% ถึงแม้ว่า ผู้เชี่ยวชาญจะคาดการณ์ว่า ตัวเลขจะอยู่ในระดับที่ 1.9% นั่นเป็นระดับของเดือนธันวาคม แต่ ข้อมูลตัวเลขจริง ยืนยันถึงแนวโน้มเชิงลบ ดังนั้น อัตราเงินเฟ้อลดลงไปในทุกเดือน ตั้งแต่เดือนตุลาคมของปีที่แล้ว ที่ตัวบ่งชี้ตรงกับระดับที่ 2.5%

การปรับตัวลงของดัชนีราคาผู้บริโภคของประเทศจีน ได้ทำหน้าที่เป็น ตัวช่วยเตือนที่แสดงให้เห็น เศรษฐกิจของประเทศจีน กำลังชะลอตัวลงและ ชะตากรรมนี้ก็ได้ถูกกำหนดไว้แล้วสำหรับเศรษฐกิจในระดับโลก ที่จะมาพร้อมกับผลกระทบ ในสถานการณ์เช่นนี้ ไม่ควรพึ่งพานโยบายทางการเงินแบบรัดกุม โดยธนาคารกลางของประเทศชั้นนำในระดับโลก นอกจากนั้น หน่วยงานผู้กำกับดูแลบางแห่ง (โดยเฉพาะอย่างยิ่งในธนาคาร RBA และ RBNZ) อาจจะลด อัตราดอกเบี้ยลง เพื่อตอบสนองต่อ แนวโน้มพื้นฐานจากภายนอก

จากปัจจัยพื้นฐานเชิงลบ "กลุ่มหนึ่ง" ทำให้มีคำถามเกิดขึ้นมาว่า ทำไมคู่สกุลเงินยูโรและดอลลาร์สหรัฐ (EUR/USD) จะสิ้นสุดลงไปในรอบสัปดาห์การซื้อขายตามผลที่ดี แล้วมันจะชดเชยไปจากส่วนที่ขาดทุนไปหรือไม่? ตามข้อเท็จจริงที่ว่า เทรดเดอร์ จะมีความหวังอีกครั้งสำหรับ "การพักรบ" ระหว่างสหรัฐอเมริกาและ ประเทศจีน ในช่วงสองสัปดาห์ที่ผ่านมา ตลาดได้รับข้อมูลที่ค่อนข้างขัดแย้งมา แต่เมื่อวันศุกร์ มันก็อาจจะส่งผลต่อด้านหนึ่ง อ้างอิงตามการรายงานจาก American press ที่ระบุว่า ทางกรุงปักกิ่งและ วอชิงตัน จะมาลงนามในข้อตกลงกัน ซึ่งจะมีแนวโน้มที่จะคล้ายกับต้นแบบตามความต้องการ แต่จากการดำเนินการเช่นนี้ หลายฝ่าย จะสร้างส่วนร่วมขึ้นมา ซึ่งจะเป็นพื้นฐานของการทำธุรกรรมด้านการค้าในอนาคต

ข้อมูลนี้ ได้รับการยืนยันโดยทางอ้อม จากทางด้านนาย Donald Trump ที่ได้ประกาศออกมา เมื่อวันศุกร์ ว่า อเมริกาและ ประเทศจีน ใกล้เคียงที่สุดกับ ข้อสรุปของข้อตกลงการค้าที่แท้จริง ในสัปดาห์นี้ที่ วอชิงตันจะจัดขึ้น ในรอบถัดไป (อ้างอิงจากแหล่งหนึ่ง ส่วนสุดท้าย) ของการเจรจาด้านการค้า ซึ่งจะตามมาด้วย การประชุมส่วนตัวระหว่างนาย Donald Trump และ Xi Jinping ทางด้านประธานาธิบดียังมีความมั่นใจว่า เขาได้กล่าวกับนักข่าวชาวอเมริกันว่า " ผมจะได้รับเกียรติในการยกเลิกภาษี ถ้าหากพวกเรา ทำข้อตกลงทางการค้า กับประเทศจีน"

จากการดำเนินการเช่นนี้ มันได้ชดเชยกับสิ่งที่เป็นผลลบทั้งหมด ในวันศุกร์ หลังจากนั้นคู่สกุลเงินยูโรและดอลลาร์สหรัฐ (EUR/USD) ปรับตัวขึ้นมาสู่ขอบเขตของอันดับที่ 13 ในวันนี้ การเติบโตที่เกิดขึ้นอาจจะดำเนินการต่อไปได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ถ้าหากข่าวลือในช่วง "การพักรบ" จะเพิ่มขึ้น ในกรณีนี้ ราคาอาจจะเพิ่มขึ้นไปจนถึงระดับของแนวต้านแรก ในระดับที่ 1.1340 (เส้น Tenkan-sen ในกราฟรายวัน) หรือ ระดับที่แข็งแกร่งใน 1.1370 (เส้นกลางของตัวบ่งชี้ Bollinger Bands ในช่วงเวลาเดียวกัน)