ข้อมูลเพื่อการศึกษาฟอเร็กซ์


บทที่ 14. การคำนวณผลกำไรขาดทุน

การคำนวณผลกำไรและขาดทุน

เราได้พิจารณาคำศัพท์พื้นฐานที่ใช้งานในฟอเร็กซ์และหลักการสำคัญของการซื้อขายมาร์จิ้นโดยละเอียดแล้ว ถึงเวลาศึกษาวิธีการคำนวณกำไรและขาดทุนของการซื้อขายที่เปิดอยู่

เราทราบดีว่าเทรดเดอร์เข้าสู่ตลาดสกุลเงินระหว่างประเทศด้วยความช่วยเหลือของบริษัทนายหน้า ที่เปิดบัญชีสำหรับเทรดเดอร์ในสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ ในการเข้าถึงและใช้งานฟอเร็กซ์นั้นเทรดเดอร์ต้องโอนเงินจำนวนที่ใช้เปิดบัญชีไปยังบัญชีนี้ ผลกำไรและขาดทุนทั้งหมดโดยไม่คำนึงถึงสกุลเงินตามสัญญาจะถูกแปลงเป็นเงินดอลลาร์สหรัฐ ในบทนี้เราจะพิจารณาหลักการของการคำนวณผลกำไรและการขาดทุนโดยละเอียด

ตามปกติสูตรในการคำนวณผลลัพธ์ทางการเงินของสัญญาที่เปิดของคุณเป็นดังต่อไปนี้:

ผลลัพธ์ทางการเงิน = (ราคาซื้อ - ราคาขาย) * จำนวนล็อต * ขนาดล็อต - ค่าคอมมิชชั่น * จำนวนล็อต±สวอป

เห็นได้ชัดเจนว่าผลลัพธ์ทางการเงินประกอบไปด้วยสามส่วนนั้นคือ ผลการซื้อขาย,ค่าคอมมิชชั่นและขนาดของสวอป

เราทราบดีว่ามีการเสนอราคาออกมาสองประเภทในฟอเร็กซ์ (ไม่พิจารณากับอัตราแบบไขว้) ทั้งทางตรงและทางอ้อม ในกรณีแรกสกุลเงินฐานในคู่สกุลเงินเป็นเงินต่างประเทศ เมื่อเทียบกับเงินดอลลาร์สหรัฐและออกราคาซื้อขายมาเป็นเงินดอลลาร์สหรัฐ ในกรณีที่สองดอลลาร์สหรัฐเป็นสกุลเงินฐานในคู่สกุลเงิน และการเสนอราคาออกมาเป็นสกุลเงินต่างประเทศ ผลการซื้อขายตามสูตรที่กล่าวข้างต้นจะถูกคำนวณในสกุลเงินอ้างอิง ค่าคอมมิชชั่นและสวอปมักจะอยู่ในสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ นั่นคือเหตุผลที่สูตรนี้ใช้ได้จริงสำหรับการเสนอราคาโดยตรงเท่านั้น ควรทราบว่าในสูตรนี้ ราคาซื้อและราคาขายไม่ใช่ส่วนประกอบในการเสนอราคา ถือว่าเป็นราคาจริงที่เราซื้อหรือขายสกุลเงิน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเราไม่ได้คำนึงถึงการดำเนินการใดๆก่อน (ซื้อหรือขาย) หากผลทางการเงินเป็นบวก เราก็ได้กำไร ถ้าเป็นลบเราก็จะขาดทุน

กรณีการเสนอราคาทางอ้อม ความแตกต่างระหว่างราคาซื้อและราคาขายจะแสดงออกมาเป็นสกุลเงินต่างประเทศ ขณะที่ผลลัพธ์ทางการเงินทั้งหมดจะอยู่ในสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ ดังนั้นในการคำนวณผลลัพธ์ทางการเงินสำหรับการเสนอราคาทางอ้อม เราต้องใช้สูตรดังต่อไปนี้:

ผลลัพธ์ทางการเงิน = (1 / ราคาซื้อ - 1 / ราคาขาย) * จำนวนล็อต * ขนาดล็อต - ค่าคอมมิชชั่น * จำนวนล็อต±สว็อป

ขนาดล็อตขึ้นอยู่กับการเสนอราคานั้นๆ (ในคู่สกุลเงิน) และตามความต้องการของโบรกเกอร์ออนไลน์รายใดรายหนึ่ง สูตรที่นำเสนอข้างต้นจะใช้ในกรณีที่ขนาดล็อตเป็นสกุลเงินต่างประเทศ (ไม่ใช่เงินดอลลาร์สหรัฐ) ตัวอย่างเช่นขนาดล็อตในการเสนอราคาโดยตรงของคู่สกุลเงินปอนด์และดอลลาร์สหรัฐ (GBP / USD) อาจอยู่ที่ 70,000 ปอนด์ ขนาดล็อตของการเสนอราคาทางอ้อมของคู่สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐและเยน (USD / JPY) อาจเป็น 12,500,000 เยน ถ้าโบรกเกอร์ออนไลน์ของคุณกำหนดขนาดล็อตเป็นเงินดอลลาร์สหรัฐ คุณจะต้องแปลงเงินดอลลาร์สหรัฐเป็นสกุลเงินที่เหมาะสม ในกรณีเช่นนี้ขนาดล็อตจะอยู่ในสกุลเงินต่างประเทศ ก็จะไม่มีการเปลี่ยนแปลงแต่จะขึ้นอยู่กับอัตราซื้อขายปัจจุบันในตอนที่เปิดตำแหน่ง ขนาดของล็อตมาตรฐานในสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐมักจะเท่ากับ 100,000 

การคำนวณทางการเงินในอัตราแบบไขว้จะไม่เหมือนกัน ดังที่เราได้เรียนรู้จากบทที่แล้วว่าอัตราแบบไขว้คืออัตราแลกเปลี่ยนสกุลเงินระหว่างสองสกุลเงินเมื่อทั้งคู่ไม่ได้เป็นเงินดอลลาร์สหรัฐ อัตราแบบไขว้ต่างๆ สามารถแสดงออกมาด้วยราคาสองส่วนพร้อมกับเงินดอลลาร์สหรัฐ ตัวอย่างเช่นอัตราซื้อขายแบบไขว้ของคู่สกุลเงินยูโรและเยน (EUR / JPY) สามารถคำนวณได้จากราคาคู่สกุลเงินยูโรและดอลลาร์สหรัฐ (EUR / USD) และคู่สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐและเยน (USD / JPY) การคำนวณกำไรและขาดทุนเป็นไปตามนี้ อย่างแรกคุณต้องคำนวณผลลัพธ์ทางการเงินสำหรับคู่สกุลเงินยูโรและดอลลาร์สหรัฐ (EUR / USD) จากนั้นเป็นคู่สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐและเยน (USD / JPY) ผลลัพธ์เหล่านี้เป็นผลสรุปเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ทางการเงินทั้งหมด

อย่างที่เราทราบกันดีว่าการเคลื่อนตัวของอัตราแลกเปลี่ยนชี้วัดโดยค่า pip ในราคาที่แตกต่างกันค่า pip ก็จะแตกต่างกัน การเปิดสัญญานั้นคุณต้องทราบผลลัพธ์ในรูปของเงินดอลลาร์สหรัฐ หากราคาเปลี่ยนแปลงไป 1 pip มันจะช่วยให้คุณประเมินผลกำไรหรือขาดทุนในปัจจุบันของคุณได้และปิดสถานะได้ทันเวลา คุณสามารถทำได้อย่างง่ายดายโดยใช้สูตรตามที่ระบุข้างต้น มูลค่าจะขึ้นอยู่กับประเภทของการเสนอราคา (ทางตรงหรือทางอ้อม) ขนาดล็อต, สกุลเงินของมูลค่าตามล็อตและมูลค่า pip

มาลองพิจารณาที่คู่สกุลเงินปอนด์และดอลลาร์สหรัฐ (GBP / USD) ถ้า 1 ล็อตเท่ากับ 70,000 ปอนด์สเตอร์ลิงและ 1 pip เท่ากับ 0.0001 เนื่องจากdkiเสนอราคาเป็นแบบตรง เราจึงใช้สูตรแรกในการคำนวณผลการซื้อขาย ส่วนต่างขั้นต่ำระหว่างราคาซื้อและขายคือ 1 pip เสมอและในกรณีนี้จะเท่ากับ 0.0001 ดังนั้นผลการซื้อขายของ 1 ล็อตของการเปลี่ยนแปลงในอัตราซื้อขายของคู่สกุลเงินปอนด์และดอลลาร์สหรัฐ (GBP / USD) คือ 1 pip เป็น 0.0001 * 70,000 = 7 ดอลลาร์สหรัฐ 

เราขอมาพูดเรื่องการเสนอราคาทางอ้อมของคู่สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐและเยน (USD / JPY) ด้วยขนาดล็อต 12,500,000 เยนและมูลค่า pip ที่ 0.01 เนื่องจากการเสนอราคาแบบอ้อม เราจึงใช้สูตรที่สองเพื่อประเมินผลการซื้อขาย มันไม่เพียงพอที่จะทราบเฉพาะค่า pip กรณีที่มีการเสนอราคาทางอ้อม เนื่องจากผลการซื้อขายขึ้นอยู่กับราคาซื้อและขายด้วย สมมติว่าอัตราซื้อขายปัจจุบันคือ 104.75 เยนญี่ปุ่นสำหรับหนึ่งดอลลาร์สหรัฐ ดังนั้นหากราคาของ 1 ล็อตเปลี่ยนแปลง เราจะได้ผลลัพธ์ดังต่อไปนี้: ((1 / 104.75 - 1 / 104.76) * 12,500,000 = 11.39 ดอลลาร์สหรัฐหากราคาซื้อและขายแตกต่างกัน ผลการซื้อขายก็จะแตกต่างกันอีกด้วย ถ้าขนาดล็อตเป็นสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ เราต้องแปลงเป็นเงินเยนญี่ปุ่นตามราคาที่เรามีในขณะเปิดตำแหน่งและถ้าคุณเปิดสถานะแบบ long (การซื้อ 1 ล็อตของดอลลาร์สหรัฐสำหรับเยน) การคำนวณจะดำเนินการโดยใช้ราคาขายและหากมันเป็นตำแหน่ง Short (การขาย 1 ล็อตดอลลาร์สหรัฐสำหรับเยน) การคำนวณจะขึ้นอยู่กับราคาซื้อ

อย่างที่เราเห็นการเปลี่ยนแปลงราคาของคู่สกุลเงินต่างๆจะเป็นทีละ 1 pip ​​ที่ส่งผลต่อผลลัพธ์การซื้อขายที่หลากหลาย สำหรับคู่สกุลเงินปอนด์และดอลลาร์สหรัฐ (GBP / USD) นั้นน้อยกว่าคู่สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐและเยน (USD / JPY) ยิ่งผลการซื้อขายมีขนาดเล็ก คุณก็จะต้องประสบกับความสูญเสียน้อยลงในกรณีที่ราคาเคลื่อนตังไปในทางที่ไม่ต้องการ โดยเฉพาะอย่างยิ่งผลกำไรของคุณจะน้อยลงอีกด้วย ขอแนะนำให้เทรดเดอร์มือใหม่เลือกราคาที่ "มีกำลัง" น้อยลงเช่น GBP / USD และ USD / CHF

ในตอนแรกการคำนวณที่นำเสนอในบทนี้อาจดูซับซ้อนเกินไป ในความเป็นจริงคุณไม่ต้องกังวลเพราะแพลตฟอร์มจะทำการประมาณการทั้งหมดโดยอัตโนมัติ บริษัทนายหน้าอาจเสนอแพลตฟอร์มการซื้อขายต่างๆออกมา แต่หลักการของการคำนวณยังคงเหมือนเดิม สิ่งสำคัญคือต้องทราบว่าผลกำไรและขาดทุนของคุณประกอบด้วยอะไรบ้าง วิธีนี้จะช่วยให้คุณหลีกเลี่ยงการปิดสัญญาที่ขาดทุนโดยไม่ได้ตั้งใจ! 



บทความแนะนำ

ฝากเงินขั้นต่ำได้เท่าไหร่

ฝากเงินขั้นต่ำได้เท่าไหร่

ไม่สามารถเปิดตำแหน่งได้

ขั้นตอนที่ลูกค้าของโบรกเกอร์ชั้นนำ InstaForex ควรทำเมื่อไม่สามารถเปิดตำแหน่ง (คำสั่ง) ได้

เติมเงินในบัญชีของคุณโดยใช้วิธีใดวิธีหนึ่งที่มีอยู่